ReadyPlanet.com


ฟรีทีวี VS ทีวีดาวเทียม (1)/ อำนาจอยู่ในมือ ผู้บริโภค


วันที่ อาทิตย์ ธันวาคม 2554 พิมพ์หน้านี้ | ดูบล๊อกอื่นๆ ที่ OKnation ฟรีทีวี VS ทีวีดาวเทียม (1)/ อำนาจอยู่ในมือ ผู้บริโภค อนาคตโทรทัศน์ของประเทศไทยกำลังจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว และจะเปลี่ยนโฉมหน้าไปอย่างรวดเร็วในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า ข้อสรุปของผมเกิดขึ้นหลังจากได้รับตัวเลข Penetration ผลสำรวจล่าสุดเดือน ส.ค.ของบริษัท AGB Nielsen อัตราการขยายตัวของผู้ชมโทรทัศน์ผ่านจานดาวเทียมและเคเบิลทีวีที่ได้เข้าไปอยู่ในบ้านของครัวเรือนไทยมากถึง 50 % แล้วหรือประมาณ 11 ล้านครัวเรือนหรือสามารถเข้าถึงคนดูมากกว่า 38.5 ล้านคน (1 ครอบครัวเฉลี่ย 3.5 คน) เดิมแทบจะทุกครัวเรือนไทยหรือ 99% สามารถดูโทรทัศน์ประเภทฟรีทีวีได้ 6 ช่องเป็นเวลา 30-40 ปี แต่อัตราการเพิ่มอย่างรวดเร็วของเคเบิลทีวีท้องถิ่น จานดาวเทียมในช่วง 5 ปีย้อนหลังที่มี "ทีวีดาวเทียม" เป็นหัวหอกได้ถาโถมเข้าไปมากกว่า 80-150 ช่อง ทำให้ประมาณ 50% ของครัวเรือนไทยมีโอกาสเข้าถึงข่าวสาร-ความบันเทิง-ความรู้จากช่องโทรทัศน์ฟรีทีวีกับทีวีดาวเทียมได้มากกว่า 100 ช่อง แต่ยังเหลืออีก 50% ที่ไม่ได้ติดตั้งเคเบิลทีวีท้องถิ่นและจานดาวเทียมที่ยังดูโทรทัศน์ได้แค่ 6 ช่อง อัตราการเพิ่มของเคบิลทีวีดาวเทียมและจานดาวเทียมในปีนี้ประมาณเดือนละ 0.7-1% ของครัวเรือนไทยหรือเพิ่มขึ้นประมาณเดือนละ 150,000-200,000 ครัวเรือน หรือปีละประมาณ 2-2.4 ล้านครัวเรือน เทียบผลสำรวจเดือน ส.ค.ปีนี้กับปีที่แล้ว ยอด Penetration เคเบิลทีวีกับจานดาวเทียมทุกประเภทเพิ่มจาก 44% เป็น 50% หรือเพิ่มขึ้นปีละ 6% คิดเป็น 1.7 ล้านครัวเรือน กรุงเทพมหานครและปริมณฑล 2.2 ล้านครัวเรือนคิดเป็น 56% ของครัวเรือนที่มีเคเบิลทีวีและจานดาวเทียมเพิ่มขึ้นถึง 15% ถือเป็นปีที่มีอัตราการเพิ่มสูงขึ้นมากกว่าปีก่อนหน้า เขตเทศบาลหรืออำเภอเมืองของทุกจังหวัด 3.5 ล้านครัวเรือน คิดเป็น 57% ของครัวเรือนเพิ่มขึ้น 4% โดยส่วนใหญ่เป็นการติดตั้งเคเบิลทีวี นอกเขตเทศบาลของทุกจังหวัด 5.3 ล้านครัวเรือนคิดเป็น 44% เพิ่มขึ้น 4% โดยส่วนใหญ่เป็นการติดตั้งจานดาวเทียม ซึ่งอัตราการเพิ่มลดลงจาก 2 ปีที่แล้ว ที่มีความขัดแย้งทางการเมืองสูงอัตราการเพิ่มมากถึง 16% คาดการณ์ได้ว่าภายใน 3 ปีข้างหน้าครัวเรือนไทยอย่างน้อย 75% จะสามารถดูโทรทัศน์ได้มากกว่า 100 ช่อง เมื่ออยู่บนจานดาวเทียมหรือเคเบิลทีวีบนแพลตฟอร์มเดียวกัน คนดูแทบจะแยกไม่ออกว่าช่องไหนเป็นฟรีทีวีช่องไหนเป็นทีวีดาวเทียม นั่นหมายความว่า คนดูที่ถือรีโมตจะมีอำนาจในการเลือกชมช่องรายการต่างๆ ที่ส่งมาถึงบ้าน แบบไม่ต้องจ่ายค่าสมาชิก (ไม่อยากเรียกว่า "ฟรี" เพราะของฟรีไม่มีในโลก ผู้บริโภคต้องจ่ายค่าตลาดสินค้าที่มีต้นทุนโฆษณาในสื่อทีวี) บนพื้นฐาน "ความชอบ" หรือรายการถูกใจมากกว่าเรื่องอื่น ช่องไหนรายการไหนไม่มีการพัฒนาคุณภาพหรือขาดความคิดสร้างสรรค์รูปแบบใหม่จะไม่ถูกเลือกอย่างแน่นอน


ผู้ตั้งกระทู้ Admin :: วันที่ลงประกาศ 2012-02-22 15:23:10


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (3277656)

                     

                                    คำกล่าว Content is The King จะเริ่มกลับมาเป็นปัจจัยสำคัญที่ผู้บริโภคที่มีอำนาจอยู่ในมือกดรีโมตเปลี่ยนช่องได้ทุกนาที  ช่องทางการออกอากาศจะไม่มีอำนาจเหนือ Content อีกต่อไป เพราะช่องทางเผยแพร่ช่องรายการจะไม่จำกัดเฉพาะเคเบิลทีวี จานดาวเทียม  แต่จะส่งผ่านไปยังเครือข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงบนอุปกรณ์ Tablet ที่มีราคาถูกลงตลอดเวลาสะดวกในการรับชมช่องรายการทีวีทั้งแบบ Live หรือดูย้อนหลัง

   เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ผมได้เข้าไปมีส่วนเล็กๆ กับผู้ประกอบการจานดาวเทียมและช่องทีวีดาวเทียม  ร่วมกันผลักดันแนวทางการกำกับดูแลกันเองของผู้ประกอบการทีวีดาวเทียมและชมรมผู้ค้าและผู้ผลิตจานดาวเทียมไม่รอ กสทช.  เพื่อเร่งสร้างมาตรฐานการจัดหมวดหมู่เนื้อหาและการจัดเรียงช่องทีวีดาวเทียมบนแพลตฟอร์มดาวเทียมไทยคมระบบ C-Band ที่ปีนี้มีจำนวนช่องล่าสุด 155 ช่อง  เพิ่มจากปีที่แล้ว ที่มีประมาณ 90 ช่อง

  เฉลี่ยแล้วในปีนี้มีผู้ประกอบการทีวีดาวเทียม "ขึ้นช่อง" บนแพลตฟอร์มดาวไทยเทียมไทยคมระบบ C-Band หรือเปิดช่องใหม่ "สัปดาห์ละ 1 ช่อง" ที่ถือเป็นอัตราการเพิ่มสูงสุดของช่องทีวีดาวเทียม และถ้าหากรวมทีวีดาวเทียมบนอีกแพลตฟอร์มดาวเทียม NSS6 ที่เพิ่มขึ้นอีกไม่น้อยว่า 15-20 ช่อง  และยังมีเพิ่มขึ้นในแพลตฟอร์มของทรูวิชั่นส์ที่เป็นเคเบิลทีวีระดับประเทศรายเดียวอีกร่วม 10-15 ช่อง

   น่ามหัศจรรย์มากๆ กับการผุดยิ่งกว่าดอกเห็ดของทีวีดาวเทียมเปิดตัวในปีนี้ใน 3 แพลตฟอร์มประมาณ 80-90 ช่อง  เฉลี่ยออกมาน่าจะสัปดาห์ละ 2 ช่อง

   การจัดเรียงช่องมาตรฐานทีวีดาวเทียมเป็นหมวดหมู่ประมาณ 10 หมวดกับ 155 ช่องที่จะมีหมายเลขประจำช่องเดียวกันบนจานดาวเทียม 4 รายใหญ่หรือ Big 4 ที่ประกอบด้วย Infosat,Thaisat,Ideasat,Leotech ที่มีผู้ใช้จานรวมประมาณ 2 ล้านใบหรือเท่ากับ 2 ล้านครัวเรือน  แต่จำนวนกล่องรับสัญญาณแต่ละบ้านมีมากกว่า 1 กล่องรวมประมาณ 5 ล้านกล่อง

   นับจากเมื่อวันพฤหัส 15 ธ.ค. ผู้บริโภคที่เป็นลูกค้าของผู้ผลิตจานดาวเทียม 4 ราย  อาจจะสับสนในระยะแรกๆ ว่า ช่องที่เคยดูอยู่มีการเปลี่ยนเลขช่องโดยอัตโนมัติด้วยเทคโนโลยี OTA แต่เชื่อเถอะว่าจะเกิดความสะดวกสบายในการรับชมที่ไม่สับสนอีกต่อไปกับเบอร์ช่องรายการทีวีดาวเทียมที่ชื่นชอบที่มีให้เลือกถึง 150 ช่อง

            

ผู้แสดงความคิดเห็น Admin วันที่ตอบ 2012-02-22 15:24:07


ความคิดเห็นที่ 2 (3277657)

                      

                          ผู้ประกอบการจานดาวเทียมรายใหญ่สุด คือ PSI ที่มีส่วนแบ่งตลาด 50% ไม่มีมาตรฐานการจัดเรียงช่องเป็นหมวดหมู่ตามเนื้อหาช่องรายการ  และทำ ธุรกิจ "กำหนดราคาขาย" หมายเลขช่อง ให้กับเจ้าของช่องทีวีดาวเทียมที่ต้องการหมายเลขต้นๆ ในอัตราช่องละไม่น้อยกว่า 5-6 แสนบาทที่ราคาใกล้เคียงกับค่าเช่าช่องสัญญาณดาวเทียมของดาวเทียมไทยคม

  เป้าหมายของการจัดหมวดหมู่ช่องรายการและกำหนดหมายเลขประจำของช่องทีวีดาวเทียมของ Big4 เพื่อจะทำให้ธุรกิจนี้มีมาตรฐานในการทำธุรกิจ  แข่งขันกันบนคุณภาพของบริการติดตั้งจานดาวเทียม,การผลิตเนื้อหาช่องรายการ   เพราะผู้บริโภคจะง่ายต่อการจดจำหมายเลขช่องทีวีดาวเทียมที่ต้องการชมและผู้บริโภคที่ยังไม่ได้ติดตั้งจานดาวเทียมก็น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าในการเลือกติดตั้งจานดาวเทียม 4 รายใหญ่ที่มีการจัดเรียงช่องมาตรฐานเบอร์เดียวกันทุกจานดาวเทียม

  เป้าหมายอีกอย่างคือเพื่อให้การกำกับดูและของหน่วยงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคม (กสทช.) เป็นไปอย่างสะดวกขึ้น   ลดความสับสนว่าช่องทีวีดาวเทียมเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาหรือไม่ใช่เบอร์เดียวกันในแต่ละจานดาวเทียม

  ผมหวังว่าในอนาคตผู้ผลิตจานดาวเทียมอีกหลายราย  โดยเฉพาะรายใหญ่ๆ อย่าง PSI , Dynasat ฯลฯ  น่าจะลองจัดหมวดหมู่เนื้อหาและจัดเรียงช่องมาตรฐานแบบเดียวกับกลุ่ม Big4 หรือถ้าไม่อยากเรียงแบบเดียวกันก็ได้แต่ขอให้กำหนดมาตรฐานอย่างใดอย่างหนึ่งในการจัดหมวดหมู่เนื้อหาและการกำหนดหมายเลขช่อง เพื่อพัฒนาธุรกิจนี้แบบ WIN-WIN มากกว่าจะทำ "ธุรกิจขายเบอร์ช่อง" ที่สร้างภาระค่าใช้จ่ายให้กับผู้ประกอบการช่องทีวีดาวเทียมที่ควรจะใช้เงินไปกับการพัฒนาเนื้อหามากกว่าจะไปซื้อเบอร์ช่องไว้เบอร์ต้นๆ

ผู้แสดงความคิดเห็น Admin วันที่ตอบ 2012-02-22 15:25:00


ความคิดเห็นที่ 3 (3277658)
             

ยังมีความเคลื่อนไหวที่สำคัญมากๆ คือ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา คณะกรรมการ กสทช.ได้จัดประชุมสร้างความเข้าใจในทิศทางและแนวนโยบายการดำเนินงานของคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) ที่อยู่ภายใต้ กสทช.ให้กับหน่วยงานรัฐและรัฐวิสาหกิจ เช่น กองทัพ กรมประชาสัมพันธ์ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ฯลฯ ที่ถือครองคลื่นวิทยุ 500 กว่าสถานีและสถานีโทรทัศน์แบบฟรีทีวีคลื่นภาคพื้นดิน 6 สถานี

  แล้วแจ้งให้ทราบว่าภายใน 1 ปีทุกหน่วยงานรัฐและรัฐวิสาหกิจที่ถือครองคลื่นจะต้องเข้าสู่กระบวนการดำเนินงานตามมาตรา 82 และมาตรา 83 ของ พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง  วิทยุโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2554  โดยจะต้องแจ้ง กสทช.การใช้ประโยชน์คลื่นความถี่ ความจำเป็นในการถือครองคลื่นความถี่และแจ้งรายละเอียดเกี่ยวกับการอนุญาตสัมปทานหรือสัญญา

  อาจารย์เก๋-สุภิญญา กลางณรงค์ กสทช.สายบรอดแคสติ้งบอกว่าเมื่อวันที่ 13 ธ.ค.ถือเป็นวันที่เธอรอคอยมา 14 ปีในการกำหนดเงื่อนเวลาให้หน่วยงานรัฐและรัฐวิสาหกิจทุกแห่งที่ถือครองคลื่นจะต้องแจ้งความจำเป็นในการถือครองต่อไป  มิเช่นนั้นจะต้อง "คืนคลื่น" เพื่อนำไปสู่กระบวนการจัดสรรคลื่นใหม่ตามแผนแม่บทการบริหารคลื่นความถี่   ถือเป็น "จุดเปลี่ยนหรือจุดเริ่มต้น" การปฏิรูปสื่อภาครัฐอย่างเป็นรูปธรรมที่มีกฎหมายรองรับที่ไม่มีใครสามารถหลีกเลี่ยงได้อีกต่อไป  แม้ว่าจะให้เวลาการ "คืนคลื่น" วิทยุภายใน 5 ปีและคืนคลื่นโทรทัศน์ภายใน 10 ปีก็ตาม

  นอกจากนี้ ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา กสทช.ยังได้อนุมัติ "ร่างแผนแม่บทกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ ฉบับที่ 1 (พ.ศ. 2555-2559)" เพื่อนำไปใช้ในการประชาพิจารณ์ในช่วงต้นเดือน ม.ค.แล้วคาดว่าจะเสร็จสิ้นกระบวนการนี้ผ่านการอนุมัติแก้ไขจาก กสทช.เพื่อลงราชกิจจานุเบกษาประกาศใช้ได้ภายในไตรมาสแรกของปี 2555 หลังจากนั้น จะนำไปสู่กระบวนการการออกใบอนุญาตให้ผู้ประกอบการวิทยุชุมชน วิทยุสาธารณะ วิทยุธุรกิจ เคเบิลทีวีท้องถิ่น ทีวีดาวเทียม ทีวีบนอินเทอร์เน็ต ฯลฯ

  แม้ กสทช.ชุดนี้เพิ่งทำงานมาได้ 2 เดือนแต่น่าพอใจในระดับความกระฉับกระเฉงเปิดกว้างดีพอควร  เพราะอยู่ในอัตราเร่งเพื่อพยายามไล่ให้ทันกับเทคโนโลยีสื่อ-ดาวเทียมที่ทำให้เกิดวิทยุชุมชน 6-7 พันสถานี ทีวีดาวเทียม 200 ช่อง เคเบิลทีวี 500 สถานี  ผู้เล่นใหม่ๆ ในวงการโทรทัศน์เกิดขึ้นมากมายที่ไม่ได้ผูกขาดกับฟรีทีวี 6 ช่องอีกต่อไป

    ในปีหน้าคนไทยจะได้เห็นกลุ่มหนังสือพิมพ์ค่ายใหญ่ลงสนามโทรทัศน์ดาวเทียมเท่าที่ตรวจสอบแล้ว  คนไทยจะได้เห็นค่ายหนังสือพิมพ์มติชน-ข่าวสดจะมี "มติชนทีวี" ไตรมาสสอง , ค่าย นสพ.เดลินิวส์ได้ทดลองออกอากาศ "เดลินิวส์ทีวี" มา 3 เดือนแล้วจะออกอากาศทางการ 1 ม.ค. 2555, ค่าย นสพ.บางกอกโพสต์จะมี "โพสต์ทีวี" กลางปีหน้า , ค่ายแกรมมี่ที่ถือหุ้นใน นสพ.บางกอกโพสต์กับมติชนจะเป็นเจ้าของช่องข่าวตามความใฝ่ฝันของอากู๋-ไพบูลย์  ดำรงชัยธรรมในชื่อ The News , ค่ายเนชั่นจะเปิดตัวช่องข่าวธุรกิจทีวีดาวเทียมเต็มรูปแบบในชื่อ "กรุงเทพธุรกิจทีวี"

 (โปรดติดตามคอลัมน์นี้ในสัปดาห์หน้าว่าด้วย "ร่างแผนแม่บทวิทยุ-ทีวี" กสทช.จะก้าวทันสื่อใหม่หรือไม่)  

โดย อดิศักดิ์
ผู้แสดงความคิดเห็น Admin วันที่ตอบ 2012-02-22 15:25:48



[1]


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล



Copyright © 2010 All Rights Reserved.
แสงทองโทรทัศน์ จำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้า และจานดาวเทียม จ.เพชรบุรี โทรศัพท์ 032-437117 , 032-461453 , 085-9746-444