พีเอสไอ-ทรูวิชั่นส์จับมือผุดกล่องดูฟรี
      นายสมพร ธีระโรจนพงษ์ ประธานกรรมบริหาร บริษัท พีเอสไอ โฮลดิ้ง จำกัด 

 ผู้ผลิตและจำหน่ายจานดาวเทียมและกล่องรับสัญญาณทีวีดาวเทียม "PSI"

 ทั้งจานเคยู-แบนด์และซี-แบนด์รายใหญ่ในประเทศโดยครองตลาดมากกว่า 80%ในขณะนี้ ให้สัมภาษณ์ "ฐานเศรษฐกิจ"

ว่าขณะนี้ทั้งพีเอสไอและบริษัท ทรู วิชั่นส์ จำกัด (มหาชน) หรือทรูวิชั่นส์

มีความร่วมมือทางธุรกิจ(synergy)ด้วยกันโดยการโค-แบรนด์ (CO - Brands)

กันเป็นครั้งแรกใช้ชื่อกล่องรับสัญญาณทีวีดาวเทียมว่า "พีเอสไอทรูทีวี"

 และอยู่ภายใต้สโลแกนว่า "พีเอสไอทรูทีวีดูฟรีล้าน%" โดยเสียค่าบริการพร้อมติดตั้งครั้งเดียว 1,990 บาทไม่เสียค่าบริการรายเดือน

ดึงจุดแข็งทั้ง 2 ฝ่ายทุบตลาด
     โดยทั้ง 2 ฝ่ายได้ผนึกกำลังกันเพื่อบุกตลาดทีวีดาวเทียมโดยยกระดับให้มีคุณภาพมากขึ้น

และผู้บริโภคได้รับประโยชน์สูงสุด เนื่องจากแต่ละฝ่ายต่างมีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านอยู่แล้ว

 โดยพีเอสไอจะเชี่ยวชาญด้านฮาร์ดแวร์ ซึ่งประกอบด้วยประสบการณ์มากกว่า 20 ปี

ในการผลิตสินค้าที่เป็นจานดาวเทียมและกล่องรับสัญญาณทีวีดาวเทียม

และมีช่องทางการจัดจำหน่ายแบบครบวงจรโดยมี 36 สาขา ทั่วประเทศเป็นศูนย์กระจายสินค้า

มีช่างติดตั้งจานดาวเทียมที่มีอยู่ทั่วประเทศมากกว่าหมื่นราย

และมีลูกค้าจำนวนมากที่อยู่ในกลุ่มตลาดมวลชน

 ขณะที่ทรู วิชั่นส์จะเชี่ยวชาญด้านคอนเทนต์ โพรไวเดอร์ หรือมีช่องรายการที่น่าสนใจ

และมีลูกค้ากลุ่มเอ เจาะตลาดบนที่เป็นลูกค้ากลุ่มพรีเมียม ที่เสียค่าสมาชิกรายเดือน
    "เมื่อร่วมมือทางธุรกิจด้วยกันจะทำให้ "พีเอสไอทรูทีวี" เป็นผู้ประกอบการที่ทำทีวีดาวเทียมครบวงจร

จะทำให้มีช่องรายการเพิ่มขึ้นกว่า 100 ช่อง จากเดิมพีเอสไอมีช่องรายการอยู่แล้วประมาณ 60 ช่อง

ขณะที่ทรู วิชั่นส์ มีช่องรายการอยู่แล้ว 54 ช่อง  และ

เมื่อทรู วิชั่นส์ก้าวเข้าสู่ฟรีทีวีอิสระเข้าระบบซี-แบนด์โดยที่พีเอสไอ

 มีฐานลูกค้าอยู่แล้ว 10.5 ล้านครัวเรือนและมีฐานลูกค้าจากพีเอสไอโอเค อีก 5 แสนครัวเรือน 

 จากเดิมที่กลุ่มทรู วิชั่นส์มีลูกค้าแบบบอกรับสมาชิกรายเดือน หรือเพย์ทีวี (Pay TV) ที่ 2 ล้านครัวเรือน

ทำให้พีเอสไอและทรู ได้ฐานลูกค้ารวมกันเป็นจำนวน 13 ล้านครัวเรือนในเบื้องต้น"

14ส.ค.เปิดตัว"พีเอสไอทรูทีวี" 
   โดยทั้ง 2 บริษัท(พีเอสไอและทรูวิชั่นส์) จะเปิดตัวกล่องรับสัญญาณทีวีดาวเทียม "พีเอสไอทรูทีวี"

อย่างเป็นทางการ ในวันที่14 สิงหาคม 2555 ที่โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัล พลาซาลาดพร้าว กรุงเทพฯ 

 และก่อนเปิดตัววันที่ 11สิงหาคม 2555 ได้มีการจัดสัมมนาใหญ่ขึ้นที่สตูดิโอของ บริษัท เวิร์คพอยท์ เอนเทอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน)

 ปทุมธานี ในหัวข้อ "อนาคตทีวีดาวเทียมไทย" เพื่อให้ความรู้กับช่างติดตั้งทุกพื้นที่โดย

งานสัมมนาดังกล่าวจะทยอยจัดไปยังจังหวัดต่างๆภายในเดือนสิงหาคมนี้โดยเริ่มต้นที่

จังหวัดปทุมธานี พิษณุโลก เชียงใหม่ อุดรธานี ร้อยเอ็ด นครราชสีมา สุราษฎร์ธานี กระบี่และที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา

    นายสมพรกล่าวถึงอนาคตทีวีดาวเทียมไทยว่า อีกไม่เกิน 3 ปีนับจากนี้ไป

ผู้เล่นในธุรกิจทีวีดาวเทียมจะเหลือรายใหญ่ไม่เกิน 3 ราย เ

นื่องจากจะเกิดสงครามราคาที่แข่งขันกันรุนแรงยิ่งขึ้น และเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงเร็ว

 รวมถึงช่องทางการจัดจำหน่ายถูกบีบให้เล็กลง  ขณะที่ผู้ผลิตช่องรายการรายเล็กก็อยู่ไม่ได้เพราะส่วนใหญ่

จะไปเน้นเรื่องโฆษณาเกินจริงด้านยา และธุรกิจขายตรง และถ้าโฆษณาเกินจริงก็จะถูกคณะกรรมการกิจการ

กระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กสทช.)ดำเนินการเอาผิด

ส่วนรายใหญ่จะมีช่องรายการที่ดีมีโฆษณาที่เลือกได้

 และไม่กระจุกตัวอยู่เฉพาะในฟรีทีวีอย่างช่อง 3, 5, 7, 9

อีก แต่จะเคลื่อนตัวมายังทีวีดาวเทียมมากขึ้น ทำให้เกิดการแข่งขันในคอนเทนต์ หรือช่องรายการที่รุนแรงยิ่งขึ้น

ตั้งเป้าดึงคนดูทีวี19 ล้านครัวเรือน 
     ด้านนายวรสิทธิ์ ลีลาบูรณพงศ์ กรรมการผู้จัดการบริษัท พีเอสไอ โฮลดิ้ง จำกัด กล่าวเสริมว่า 

บริษัทตั้งเป้าดึงลูกค้าทั่วประเทศ ราว 18-19 ล้านครัวเรือนที่มีทีวีดู จากที่มีจำนวนครัวเรือนในประเทศ

ที่มีบ้านเลขที่จำนวน 20-22ล้านครัวเรือน  และต้องการติดตั้งกล่องรับสัญญาณทีวีดาวเทียม"พีเอสไอทรูทีวี"

 โดยติดตั้งครั้งเดียวจ่าย 1,990 บาท สามารถรับชมได้กว่า 100 ช่องรายการ 

 และฐานลูกค้าจะมาจาก

1. กลุ่มลูกค้าเพย์ทีวีของทรูวิชั่นส์ที่มีอยู่แล้ว 2 ล้านครัวเรือนและต้องการดูช่องของพีเอสไอมากขึ้น

ก็สามารถซื้อกล่อง "พีเอสไอทรูทีวี" ได้ที่ราคา 890 บาทโดยไม่ต้องเสียเงินติดตั้งใหม่อีก

 2.กลุ่มลูกค้าจานดำพีเอสไอจำนวน 10.5ล้านครัวเรือน และลูกค้าจากกล่อง พีเอสไอโอเคอีกจำนวน 5 แสนครัวเรือน

3.กลุ่มลูกค้าอื่นๆที่มีจานเคยู-แบนด์ ขนาดเล็ก 60 เซนติเมตรอยู่แล้ว หากต้องการดูช่องพีเอสไอเพิ่มขึ้นอีก

 ก็สามารถซื้อเฉพาะกล่องไปเสียบสายสัญญาณทีวีดาวเทียมก็รับชมได้ทันที

 โดยกลุ่มนี้จะมีอยู่ในตลาดประมาณ 1 ล้านครัวเรือน

4.กลุ่มที่ยังใช้เสาอากาศก้างปลาที่มีอยู่ทั่วประเทศประมาณ 4-5 ล้านครัวเรือน

โดยจะมีจุดขายจากช่องรายการเช่น  ให้ดูพรีเมียร์ลีกฟรีตลอดฤดูกาล

 และมีรายการต่างๆครอบคลุมทุกประเภททั้งสารคดี วาไรตี หนัง และเพลง เป็นต้น

    ทรู วิชั่นส์จะได้ฐานลูกค้ามวลชนมากขึ้นจากที่ผ่านมาจะมีฐานลูกค้ากลุ่มเอเป็นหลัก

เพราะมีบริการอยู่ 2 แบบ คือแบบบอกรับสมาชิกรายเดือน และแบบที่ต้องการขายโฆษณาเป็นฟรีทูบ็อกซ์

ที่ทำให้มีรายได้จากการขายโฆษณา โดยช่องสามารถผลิตโปรดักชันดีๆออกมาได้

ดังนั้นทรูวิชั่นส์จำเป็นต้องมีฐานลูกค้าจากกลุ่มตลาดมวลชนก่อน

ในขณะที่พีเอสไอก็เป็นรายใหญ่ที่ครองตลาดมวลชนอยู่ในขณะนี้อยู่แล้ว"

 -ได้ประโยชน์ต่างตอบแทน 4 วิน
       อย่างไรก็ตามความร่วมมือนี้เป็นผลประโยชน์ต่างตอบแทนแบบ 4 วิน(win) คือ

1.ทรู วิชั่นส์ได้ความเชี่ยวชาญด้านฮาร์ดแวร์จากพีเอสไอทำให้สามารถขยายฐานลูกค้าลงมายังกลุ่มตลาดมวลชนได้มากขึ้นแบบก้าวกระโดด

2.พีเอสไอได้ช่องรายการดีๆจากทรู วิชั่นส์เพิ่มขึ้น และมีการผลิตจานและกล่องขายได้มากขึ้น

 จาก 2.5-2.7 แสนกล่อง/เดือน เพิ่มเป็น 3.5 แสนกล่อง/เดือน

3.ช่างติดตั้งทั่วประเทศที่พีเอสไอขายสินค้าให้พร้อมให้บริการครบวงจร

 จะมีทางเลือกในการนำกล่องรับสัญญาณทีวีดาวเทียมให้ลูกค้าเลือกได้หลายรูปแบบ

4.ผู้บริโภคได้ดูรายการที่หลากหลายกว่า 100 ช่องและอยู่ในระดับราคามวลชน

เลือกพีเอสไออุดมการณ์เดียวกัน
     ด้านแหล่งข่าวจากบริษัท ทรู วิชั่นส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า

 การจับมือกับพีเอสไอครั้งนี้เริ่มต้นจากที่มองว่าพีเอสไอเป็นแบรนด์คนไทย และทรู วิชั่นส์ก็เป็นธุรกิจคนไทย

 จึงต้องการส่งเสริมให้ธุรกิจฮาร์ดแวร์ในด้านทีวีดาวเทียม มีช่องรายการหรือคอนเทนต์ ดีๆใส่ลงไป

 และสามารถเข้าถึงได้ทุกครัวเรือนและพีเอสไอก็มีเครือข่ายในการเข้าถึงตลาดมวลชน

 และมีการจัดจำหน่ายที่แข็งแรงที่สุดในประเทศ สร้างอาชีพให้กับช่างติดตั้ง

จึงตัดสินใจเลือกพันธมิตรที่มีวิสัยทัศน์และมีอุดมการณ์เดียวกันโดยมองที่คนในประเทศ

หรือคนดูทีวีจะต้องได้รับประโยชน์เป็นหลักก่อน

-แกรมมี่-อาร์เอสพร้อมสู้      
       ด้านนางพรพรรณ เตชรุ่งชัยกุล ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน)

หรือ"อาร์เอส" เปิดเผยว่ากระแสการแข่งขันในธุรกิจทีวีดาวเทียมในขณะนี้อยู่ในบรรยากาศ

ที่เร็ว-แรง-ดุ แต่ในการแข่งขันก็ต้องหนักแน่นและเข้าใจตัวเราเองให้ดีก่อน ว่าเรามีจุดแข็งตรงไหน

 และจะต้องทำความเข้าใจกับลูกค้าให้ชัดเจน ฉะนั้นใครจับมือกับใครเราตื่นตัวได้แต่อย่าตื่นตูมตาม 

 วันที่ไม่มีเขา(หมายถึงการรวมตัวกันระหว่างพีเอสไอกับทรู วิชั่นส์)เราขายอะไรอยู่ 

 เราต้องดูว่าตัวเรามีความต่างจากคู่แข่งตรงไหนซึ่งจุดขายของอาร์เอส

 เวลานี้ถ้าใครชอบกีฬาก็มาดูได้จากกล่องซันบ็อกซ์ (SUNBOX)ถ้าชอบฟุตบอลโลก และฟุตบอลลีก ลาลีกา สเปนก็มาดูช่องนี้ 

และยืนยีนว่าอีก 2 ปี ฟุตบอลโลก จะมาอยู่บนกล่องซันบ็อกซ์ แน่นอน

             ขณะที่นายเดียว วรตั้งตระกูล กรรมการผู้จัดการสายงานกลยุทธ์แพลตฟอร์ม บริษัท จีเอ็มเอ็มแซท จำกัด

 ผู้ดำเนินธุรกิจกล่องทีวีดาวเทียม "จีเอ็มเอ็ม แซท" กล่าวว่า ที่ผ่านมาแกรมมี่อยากให้เกิดการจับมือกันระหว่าง

กลุ่มผู้ผลิตฮาร์ดแวร์กับกลุ่มคอนเทนต์อยู่แล้ว   และมั่นใจว่าจีเอ็มเอ็ม แซท จะแข่งขันได้

จะเน้นที่ซอฟต์แวร์คือคอนเทนต์เป็นหลัก สามารถตอบโจทย์ผู้บริโภคได้ตรงจุด โดยเฉพาะด้านหนังและเพลง

แห่ชิงเค้กมูลค่าตลาดแสนล.  
     ปัจจุบันมูลค่าตลาดทีวีดาวเทียมทั้งระบบที่รวมทั้งฮาร์ดแวร์ คอนเทนต์ โฆษณา

 และรวมระบบจ่ายรายเดือนของทรู วิชั่นส์แล้ว และรวมถึงฟรีทีวีด้วยแล้ว

จะมีมูลค่าทั้งสิ้นราวแสนล้านบาท/ปี ในส่วนนี้เฉพาะกลุ่มผลิตฮาร์ดแวร์

จะมีสัดส่วนมูลค่าตลาดรวมกันมากกว่าหมื่นล้านบาท/ปี  โดยมีผู้เล่นรายใหญ่ด้านฮาร์ดแวร์และคอนเทนต์อยู่ 3 กลุ่ม

คือกลุ่มบิ๊กโฟร์ร่วมกับอาร์เอส ภายใต้แบรนด์ "ซันบ็อกซ์"

,กลุ่มพีเอสไอร่วมกับทรู วิชั่นส์ภายใต้แบรนด์ "พีเอสไอทรูทีวี"

และกลุ่มแกรมมี่ แบรนด์ "จีเอ็มเอ็ม แซท" ที่เหลือเป็นผู้ประกอบการรายเล็ก

ปัจจุบันทรู วิชั่นส์ จะมีรายได้ที่เกิดจากธุรกิจทีวีดาวเทียมนำมาเป็นเบอร์หนึ่งหรือเป็นมูลค่าราวหมื่นล้านบาท/ปี