![]() |
|
โจทย์หิน 'ทรูวิชั่นส์-แกรมมี่-ซีทีเอช' สู้ศึกเพย์ทีวี | |
![]() โจทย์หิน "ทรูวิชั่นส์-แกรมมี่-ซีทีเอช" สู้ศึกเพย์ทีวีผูกขาดมา 20 ปีสังเวียนเพย์ทีวี"ทรูวิชั่นส์"เริ่มสั่นคลอนความเป็นเจ้าตลาด เมื่อซีทีเอชรุกเพย์ทีวี แกรมมี่ ขอคลุกวงใน ชิงขุมทรัพย์หมื่นล้าน ร้อนระอุ...เหลือเกิ๊น!! สำหรับธุรกิจทีวีแบบบอกรับสมาชิก(เพย์ทีวี) ที่สังเวียนการแข่งขันพลิกโฉมไปมาก จากในอดีตมีทรูวิชั่นส์ เป็นผู้เล่นรายเดียวที่ผูกขาดในตลาดเพย์ทีวี(Pure monopoly market) มายาวนานถึง 20 ปี ก่อนตลาดจะเริ่มปรับตัวเข้าสู่ยุคผู้แข่งขันน้อยราย (Oligopoly market) คัดกรองผู้ประกอบการ "บิ๊กเนม" หน้าใหม่ในสมรภูมิมาเพิ่มอีก 2 ราย รวมเป็น 3 พี่เบิ้มแห่งวงการ ได้แก่ บริษัท ทรูวิชั่นส์ จำกัด(มหาชน) เจ้าของ truevisions มีรายการออกอากาศ 140 ช่อง, บริษัท ซีทีเอช จำกัด(มหาชน) หรือ CTH ที่ปั้นรายการออกอากาศ 140 ช่องเช่นกัน และบริษัท แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) เจ้าของ GMMZ PAY TV
เฉพาะเพย์ทีวี เม็ดเงินโฆษณากว่า 1 หมื่นล้านบาท คือช่องทางโกยรายได้ แต่ที่เย้ายวนใจอีกด้านคือ รายได้จากสมาชิก และบริการเสริมต่างๆที่จะช่วยสร้างเม็ดเงินในอนาคต โจทย์หินของเพย์ทีวีวันนี้ เป็นสิ่งที่ 3 ยักษ์ใหญ่ต้องหาทางแก้ โดยเฉพาะผู้เล่นรายใหญ่ที่ผูกขาดในตลาดเพย์ทีวีมานานอย่างทรูวิชั่นส์ เมื่อโดนขย่มเก้าอี้ "ผู้นำ" ทั้งการรักษาฐานลูกค้าคอบอล คอนเทนท์ทั้งกีฬา และบันเทิงอื่นๆที่ จ้องจะโดน "แย่ง" จากคู่แข่งทั้ง 2 รายทั้ง CTH และ GMMZ อยู่เนืองๆ การสานเป้าหมายรายได้ High Growth Single-Digit มีหวังแค่ไหน ? ขณะที่ CTH ก็ต้องแก้โจทย์หิน เมื่อซื้อคอนเทนท์ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ(EPL)ฤดูกาล 2013-2016 มาแพงเว่อร์ (เหยียบหมื่นล้าน) ไหนจะต้องลงทุนต่อเนื่องอีกราว 3 หมื่นล้านบาท ในเชิงธุรกิจ "จุดคุ้มทุน" อยู่ตรงไหน กำไรที่ฝันจะเห็นในปีนี้จะทำได้จริงหรือ? มาที่ GMMZ ก็ต้องหาทางตอบโจทย์ให้ได้ว่า จะยืนอยู่ตรงไหนในสังเวียนเพย์ทีวี เพราะจำนวนช่องยังน้อย ฐานสมาชิกยังด้อยและห่างชั้นจาก 2 รายแรกมากโข!! แล้วเป้าหมายรายได้ 3-4,000 ล้านบาท ภายในปี 2559 จะเอื้อมถึงไหม? "กฤษณัน งามผาติพงศ์" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีทีเอช จำกัด(มหาชน) มองโจทย์หินในสมรภูมิเพย์ทีวี คือ การถูกกำหนดกรอบด้วยราคาแพ็คเกจในอดีตที่ "สูง" ทำให้โอกาสเข้าถึงคอนเทนท์ที่ดี "ยาก" และนั่นเป็นเหตุให้ Maket maker ผู้นี้ "มองต่าง" จากเจ้าเก่า ตกผลึกความคิดว่า "รายการทีวี ไม่ว่าคนจนคนรวยต้องได้ดูเท่ากันหมด และได้ดูในสิ่งที่อยากดูด้วย" พร้อมขยายความ "ทำไมต้องมีเงิน ถึงจะดูช่อง HD (ความคมชัดสูง) ได้"
เขาพลิกทฤษฎีการตลาดเพย์ทีวีใหม่หมด เสนอทางเลือกให้ผู้บริโภคเลือกรับชม EPL คอนเทนท์กีฬากอล์ฟ เทนนิส F1 ด้วยการจ่ายเงินต่อวันเทียบเท่าราคาก๋วยเตี๋ยว 1 ชาม...อึ้ง!กับคำเปรียบเปรย ที่เรียกน้ำย่อย...ปลุกฐานคนดูเพย์ทีวีได้ระลอกใหญ่ "การตลาดรุ่นเก่าเลิกเถอะ วันนี้เพย์ทีวีต้องเป็น One for all แพ็คเกจเดียวเท่านั้น" จึงเป็นที่มาของการเคาะแพ็คเกจเพย์ทีวีของซีทีเอชในราคา 599 บาทต่อเดือน ทว่า...นั่นเป็นเพียงศัพท์แสงการทำตลาด ลึกลงไป จะพบว่า ยังมีรายละเอียดของแพ็คเกจแตกย่อยไปอีก 3 แพ็คเกจซ่อนอยู่ โดยแพ็คเกจสูงสุดอยู่ที่ 899 บาทต่อเดือน ลูกค้าต้องจ่ายมัดจำล่วงหน้า 1 เดือน พร้อมค่าบริการรายเดือนในเดือนแรก และค่าติดตั้ง 50% ของราคาทั้งหมด ที่เหลือก็จ่ายรายเดือนปกติ (เดือนต่อเดือน) ตามมาด้วยแพ็คเกจจ่าย 748 บาทต่อเดือน จ่าย 10 เดือนดูได้ 12 เดือน (1ปี) เหมือนได้ดูฟรี 2 เดือน แต่เป็นแบบเหมาจ่ายครั้งเดียว ค่าติดตั้ง 50% ของราคาทั้งหมด ,แพ็คเกจราคา 673 บาทต่อเดือน จ่าย 18 เดือนดูได้ 24 เดือน (2ปี) เหมือนได้ดูฟรี 6 เดือน แต่เหมาจ่ายครั้งเดียว ฟรีค่าติดตั้ง และแพ็คเกจเล่นคำ 599 บาทต่อเดือน จ่าย 24 เดือน ดูได้ 36 เดือน (3 ปี) เหมือนได้ดูฟรี 1 ปี เหมาจ่ายครั้งเดียวอีกเช่นกัน ฟรีค่าติดตั้ง
แพ็คเกจหลังสุด 599 เรียกว่า ผูกปิ่นโตสมาชิกให้อยู่กันยาว 3 ปี เท่าลิขสิทธิ์ EPL กันเลย ทว่าแก่นแท้ของราคาแพ็คเกจ คือราคาเดียวจริงแต่เป็นราคา 899 บาทต่อเดือน ยังไม่รวม VAT 7% โดยแพ็คเกจ 599 บาทต่อเดือน เมื่อนำมาคูณ 36 เดือนจะเท่ากับจ่าย 898.5 บาทต่อเดือน ,แพ็คเกจ 748 บาทต่อเดือน เมื่อนำมาคูณ 12 เดือน จะเท่ากับ 897.6 บาทต่อเดือน ,แพ็คเกจ 673 บาทต่อเดือน เมื่อนำมาคูณ 24 เดือน จะเท่ากับ 897.33 บาทต่อเดือน เพียงแต่งานนี้ CTH ดึงคนดูด้วยการลดจำนวนเดือนในการชำระลง แลกกับการเหมาจ่าย ระดมเงินก้อนโตมาหมุน และล็อกคอสมาชิกไม่ให้ย้ายค่าย แบบนี้คุ้มไม่ล่ะ!! โดยแพ็คเกจดังกล่าวสามารถชม EPL ในระบบการถ่ายทอดสัญญาณที่มีความคมชัดสูง(HD)เต็มอิ่ม 380 แมตช์ แถมยังย่อจอเล็กให้อีก 4 จอในหน้าจอหลัก กันลูกค้าบ่นว่าบางแมตช์มีการฟาดแข้งชนกันด้วย ถามว่าการตั้งราคาแพ็คเกจ 599 บาทต่อเดือนคุ้มทุนหรือไม่ "บอสใหญ่ซีทีเอช" บอกว่า "เป็นราคาที่สะท้อนกับต้นทุนที่แท้จริงแล้ว คงจะไม่เคาะตัวเลขที่ทำให้ขาดทุน" พร้อมย้อนอดีตว่าผู้บริโภคไร้ทางเลือก "เราทำแพ็คเกจนี้เพื่อเป็นทางเลือกให้ผู้บริโภคมากกว่า" ทว่าสำหรับสมาชิกที่เป็นฐานลูกค้าเดิมของซีทีเอช 2.5 ล้านราย ปกติเคยจ่าย 399 บาทต่อเดือนนั้น CTH จะอัพเกรดให้ดูรายการได้ 140 ช่อง และมีช่องเอชดี 2-3 ช่อง แต่ดู EPL ได้แค่ 1 ช่อง คราวนี้ก็วัดใจ...ลูกค้าจะอยู่หรือจะไป ถ้าไม่ยอมซื้อแพ็คเกจใหม่ และคงต้องมาลุ้นเป้าหมายลูกค้าฐานสมาชิกของ CTH ต่อไปว่า ตัวเลขที่อยากได้ที่ 3 ล้านราย ในสิ้นปีนี้ จะทำได้หรือไม่ อีกโจทย์หินของ CTH คือคอนเทนท์ที่ต้นทุนสูงลิ่ว!! นั้นทำให้ "กฤษณัน" สวมบทเป็นเซลล์แมน ลงทุนเร่ขายแพ็คเกจสปอนเซอร์เอง หวังใช้จุดเกรงใจเป็นสะพานเชื่อมคู่ค้า จนได้สปอนเซอร์บิ๊กเนมมา 5 ราย ที่ทุ่มทุนซื้อแพ็คเกจที่ว่าแพงกว่านี้มีอีกไหม กำหนดราคาสูงถึง 450 ล้านบาท เป็นเวลา 3 ปี ประกอบด้วย บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จำกัด, บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด, บริษัท การบินไทย จำกัด(มหาชน), บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด(มหาชน) และบริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ช่วยกันถมรายได้ให้ซีทีเอช เพื่อคุ้มทุนกับค่าคอนเทนท์ EPL ที่ผ่านมา CTH ยังได้วิจัยพฤติกรรมผู้บริโภคผ่านช่องทางออนไลน์ โดยเฉพาะโซเชียลเน็ตเวิร์คและเว็บไซต์ชื่อดังอย่าง Facebook twitter pantip.com เป็นต้น ซึ่งเป็นช่องทางที่ผู้บริโภคตอบกลับข้อมูลทันทีและตรงไปตรงมา เมื่อเทียบกับการวิจัยการตลาดผ่านกระดาษแบบเดิมๆที่ผู้บริโภคมักให้คำตอบแบบ "กลางๆ" | |
ผู้ตั้งกระทู้ Admin :: วันที่ลงประกาศ 2013-07-17 16:46:57 |
[1] |
ความคิดเห็นที่ 1 (3312162) | |
ส่วนเรื่องสัญญาณการรับชมเพย์ทีวี ที่บ่นกันนักบ่นกันหนา(หู)ว่า ลมเพลมพัด ฟ้าฝนกระหน่ำ สัญญาณภาพต้องหายทู้กที...ในเรื่องนี้กฤษณัน ยอมรับว่าไม่สามารถการันตีคุณภาพสัญญาณได้ เพียงแค่เปรยถึงการเช่าช่องสัญญาณของวีนาแซท ของประเทศเวียดนาม ที่จะมีช่วงความถี่กว้างสุด(Trandponder Bandwidth) 52 Mhz แรงที่สุดในแถบอาเซียน เทียบกับไทยคมแบนด์วิธกว้างเพียง 40 Mhz ขณะที่พันธกิจใหญ่ของซีทีเอช คือการเข้าสู่ธุรกิจบรอดแบนด์ โดยไต่บันไดจากเพย์ทีวี ที่ "กฤษณัน" บอกเลยว่า "ไม่ต้องการเป็นที่ 1" แต่ถ้าดึงลูกค้าสมาชิกได้ถึง 3 ล้านราย แชมป์เพย์ทีวีก็ตกเป็นของซีทีเอชโดยปริยาย วิเคราะห์ลงไปแล้ว ฝ่ายหนึ่งแจ้งเกิดสมใจ แต่อีกฝ่ายอาจถูกสังหาร...เพราะหาก CTH ได้ King of content มาครอง ผสานจุดแข็งกับ "สัญญาณ" ที่เป็น The Queen เปิดฉากรบสวยหรู นั่นย่อมหมายถึงการกวาดลูกค้าและรายได้ที่เคยตกไปอยู่ที่ทรูฯ มาอยู่ที่ CTH แทนก็เป็นได้ จากคอนเทนท์โปรวายเดอร์ ผันตัวเองสยายปีกสู่ธุรกิจใหม่ในเพย์ทีวี GMMZPAY TV ของ "อากู๋" ไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม ประธานกรรมการ บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ที่ประกาศกร้าวปีหน้าขอสำแดงฤทธิ์เดชในธุรกิจเพย์ทีวี ให้เป็นที่ประจักษ์ แม้จุดตั้งต้นช่องที่น้อย เนื่องจากข้อจำกัดของอุปกรณ์ส่งและตอบสนองความถี่(Transponder) นั่นจึงกลายเป็นที่มาของโจทย์หินของค่ายแกรมมี่ ซึ่งหนุ่มนักบริหารหน้ามน "ฟ้าใหม่ ดำรงชัยธรรม" ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ กลุ่มงานแพลตฟอร์ม บริษัท จีเอ็มเอ็ม แซท จำกัด บอกว่า โจทย์ที่หินของเพย์ทีวีที่ GMMZ PAY TVเผชิญคือทรานสปอนเดอร์ที่มีไม่เพียงพอ ทั้งที่ในแง่ของคอนเทนต์ แกรมมี่ "มีดี" แพลตฟอร์มก็เพียบพร้อมจะจูงใจและขยายฐานสมาชิกได้ ปัญหาข้างต้นทำให้แกรมมี่เล็งเช่าช่องสัญญาณไทยคม 6 เพื่อเพิ่มการส่งสัญญาณโทรทัศน์เพย์ทีวีทั้งระบบ KU-band และC-band อัดช่องรายการให้ครบ 32 ช่อง ที่จะเสริมทัพด้วยช่อง HD จำนวน 6 ช่อง ภายในสิ้นปีนี้ จากปัจจุบันมี 8 ช่อง การเพิ่มช่องเพย์ทีวีจะทำได้ดั่งใจหรือไม่ยังต้องลุ้น! เพราะไทยคมแจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.)ขอเลื่อนการยิงดาวเทียมไทยคม 6 ขึ้นสู่วงโคจรจากกลางปี เป็นปลายปีนี้ "ตลาดเพย์ทีวีเป็นตลาดที่มีอุปสรรคในการเข้ามาทำตลาดสูง เพราะผู้ประกอบการที่จะทำเพย์ทีวีได้จะต้องมี 3 องค์ประกอบ ได้แก่ คอนเทนท์ ทรานสปอนเดอร์ และแพลตฟอร์ม ซึ่งแกรมมี่มีครบ แต่ทรานสปอนเดอร์ที่เพียงพอ ทั้งที่บริษัทมีคอนเทนต์และการบริหารคอนเทนต์ที่ดี"
ฟ้าใหม่ยังวิเคราะห์ว่า ด้วย 3 องค์ประกอบในสมรภูมิเพย์ทีวี จึงคาดการณ์ว่าตลาดในประเทศไทยจะเหลือผู้เล่น "บิ๊กๆ" ราว 3-4 ราย ไม่มากเกินไปกว่านี้แล้ว เฉกเช่นธุรกิจเพย์ทีวีในเวทีระดับโลก อย่างมาก! ก็มีผู้เล่นแค่ 3-4 ราย ยิ่งเพย์ทีวีเขาเชื่อว่าตลาดจะมีขนาดใหญ่ขึ้นอีกมาก(Up size) จากปัจจุบันประเทศไทยมีการรับชมเพย์ทีวีเพียง 10% เท่านั้น เทียบกับต่างประเทศนิยมดูเพย์ทีวีสูงถึง 80-90% เป็นขุมทรัพย์เบื้องหน้าที่ "อากู๋" มองเห็นจริงๆ จนแกรมมี่ที่ยังเป็นเพย์ทีวีรุ่นเล็ก ต้องอัดงบลงทุนอีก 1,000 ล้านบาท จากปีก่อนใช้ไปราว 1,000 ล้านบาท เดินสายซื้อคอนเทนท์ระดับโลก เสริมพอร์ตแพลตฟอร์ม แม้ขณะนี้จะการันตีด้วยรายการดังจากพันธมิตรใหม่อย่าง ฟ็อกซ์ฯ นำ 27 ช่องดีมีคุณภาพมาเสิร์ฟคนดู ดึงคอนเทนท์กีฬาการถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2013 รุ่นอายุ 21 ปี(UEFA European Under-21 Football Championship 2013) แบบครบทุกแมตช์รายเดียวในไทย แถมโว! เป็นรายแรกและรายเดียวที่ได้รับสิทธิ์การถ่ายทอดสด 2 สมัยซ้อน คือ ปี 2011 และปี 2013 มาหนุนคอนเทนท์ฟุตบอลจากที่มีอยู่ 6 ลีกดัง เมื่อธุรกิจส่อเป็น "Red Ocean" ที่ห้ำหั่นด้วยราคาแพ็คเกจ แกรมมี่ก็ไม่อยู่เฉย งัดกลยุทธ์ "ลดราคา" กล่องรับสัญญาณรุ่นสมาร์ทเหลือ 1,990 บาท จาก 4,990 บาท ส่วนรุ่นเอชดีเหลือ 2,990 บาท จาก 6,990 บาท แถมยังอัดโปรโมชันบริการเติมช่อง บันเทิงฮิต กีฬาฮอต ระดับโลก" ผ่านสโลแกน "ไม่แพง ดูแค่ไหน จ่ายแค่นั้น สู้กับทุกค่ายแบบตาต่อตาฟันต่อฟัน
"ราคาที่เหมาะสมจะช่วยขยายฐานสมาชิกได้เร็ว ด้วยแพลตฟอร์มที่เรามีอยู่กับพันธมิตรทั้งเคเบิลและแพลตฟอร์มอื่นๆ เราน่าจะขยายไปได้เร็ว เมื่อเปรียบเทียบกับคนอื่นที่อาจจะมีคอนเทนท์แต่ไม่มีแพลตฟอร์ม หรือมีแพลตฟอร์มแต่ไม่มีคอนเทนท์ แกรมมี่เป็นเจ้าที่มีทุกอย่างครบมากที่สุด และเมื่อมีทุกอย่างพร้อม จีเอ็มเอ็ม แซทน่าจะเป็นแพลตฟอร์มและกล่องที่มีคอนเทนท์มากที่สุดอีกทั้งเป็นแพลตฟอร์มที่มีการใช้ง่ายและสะดวกที่สุด เพราะรองรับจานดาวเทียมทุกระบบทำให้ไม่ต้องติดตั้งจานดาวเทียมใหม่" เมื่อผู้เล่นในตลาดเพิ่ม "ฟ้าใหม่" มองเกมแข่งขันตลาดเพย์ทีวีจะไม่จำกัดแค่ธุรกิจซื้อมาขายไป แต่หัวใจคือการรักษาฐานลูกค้าในกำมือให้คงทน ซึ่งข้อนี้แกรมมี่เชื่อในเครืองมือทางการตลาดขององค์กรที่ครบครันทั้งศิลปิน เหล่าเซเลบริตี มีเดีย อีเวนท์ การสื่อสาร ตลอดจนดิสทริบิวชั่นที่สมบูรณ์ ทั้งหมดเป็นแม่เหล็กยึดดูดฐานสมาชิกในอนาคต ฟ้าใหม่ มองไกลกว่าการเป็นเพย์ทีวี กับการเป็นคอนเทนท์โปรวายเดอร์ ระดับโลก "การเป็นผู้ผลิตคอนเทนท์ระดับโลคัลเบอร์ 1 ในไทย และป้อนให้กับทีวีแพลตฟอร์มต่างๆ เป็นรากฐานที่แกร่งให้แกรมมี่ในวันนี้ ซึ่งจะใช้เป็นสปริงบอร์ดข้ามขั้นสู่ตลาด International Content ต่อไป" "การเป็นแชมป์นั้นยาก แต่รักษาแชมป์ยากยิ่งกว่า" ประโยคคลาสสิกตลอดกาลสำหรับ "เบอร์1" ในธุรกิจ และเมื่อบริบทเกมการแข่งขันเพย์ทีวีเปลี่ยนจนทำให้ "ทรูวิชั่นส์" ตกที่นั่งลำบาก หากวิเคราะห์โจทย์หินของทรูฯ ต้องบอกว่ามีรอบด้าน ทั้งฐานลูกค้า โดยเฉพาะคอบอลที่ทยอยบอกเลิกการเป็นสมาชิก กูรูดูบอลตัวยงต่างแชร์ความเห็นกันผ่านเว็บไซต์ดัง Pantip.com ห้องศุภชลาศัย บ้างก็ว่า "ผมเพิ่งยกเลิกเป็นสมาชิกทรูฯเมื่อเช้าครับ" ,"ภรรยาอนุมัติให้ติดกล่อง CTH แล้ว" ,"งานนี้ทรูฯมีหนาว" หรือ "ได้ปลดแอกเสียที" แม้ยังมีบางส่วนขอปักหลักดูทรูฯต่อ เพราะชื่นชอบซีรี่ส์เกาหลี กีฬาดังรายการอื่นๆก็ตาม แต่ทั้งหมดเป็นสัญญาณอันตรายที่ทรูฯไม่ควรนิ่งนอนใจต่อพฤติกรรมผู้บริโภคที่พร้อมย้ายค่าย เพราะที่ยอมจ่ายกันมานาน 20 ปี อาจไม่ได้สะท้อนความจงรักภักดี (Lotalty) แต่เพราะไม่มีทางเลือก ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าคิด!! ส่วนคอนเทนท์ที่ทยอยหลุดมือ ไม่ว่าจะเป็นช่องภาพยนตร์ Starworld HD ที่ลูกค้าหลายคนบ่นเสียดาย เพราะย้ายค่ายไปอยู่ที่ GMMZ และ CTH แบบ Non-exclusive และพ่วงด้วยรายการดังจาก FOX International อีกมาก หรือรายการกีฬาดังที่ CTH จ่อแย่งแข่งกับทรูฯ ทั้ง ไทยแลนด์พรีเมียร์ลีก(TPL) กีฬากอล์ฟชั้นนำ ที่หลุดไปบางทัวร์นาเมนต์
สถานการณ์ข้างต้นทำให้ทรูฯปรับตัว ทุ่มงบลงทุนเพิ่ม 1,000 ล้านบาท จากเดิม 3,500 ล้านบาท ตระเวนผนึกพาร์ทเนอร์ดังทั่วโลกมาเสริมทัพ พร้อมควักงบเพิ่ม 200 ล้านบาท เพื่อทำตลาดจากเดิม 400 ล้านบาท ล่าสุด "อาณัติ เมฆไพบูลย์วัฒนา" กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทรูวิชั่นส์ จำกัด (มหาชน) นำทีมผู้บริหารบริษัทแม่ ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน) มาโชว์ศักยภาพ ตอกย้ำวิสัยทัศน์ของบิ๊กเพลเยอร์ และผู้นำตลาดเพย์ทีวี ในงาน "Visions Ahead Magenta night Party งานนี้ ทรูฯ ยังเผยพันธมิตรคอนเทนท์โปรวายเดอร์ระดับอินเตอร์จากทั่วโลกด้วยทั้ง Discovery Home&Health, History, BBC ฯลฯ แถมออกแพ็คเกจใหม่ ซูเปอร์โนว-เลด" 590 บาทต่อเดือน และ "ซูเปอร์ สปอร์ตส์" แพ็กเก็จ 495 บาทต่อเดือน มุ่งเจาะฐานลูกค้ากลาง-ล่าง จากอดีตที่มุ่งเน้นลูกค้าบนยอดพีรามิดที่กำลังซื้อสูง แต่ทรูฯยังคงคอนเซ็ปต์ เจาะลูกค้าระดับบน โดยมุ่งนำเสนอคอนเทนท์ที่ฮิตระดับโลก ที่ทรูฯ "ได้สิทธ์เพียงผู้เดียว" หวังมัดใจลูกค้าแพ็คเกจโกลด์และแพลทินัมที่ค่าสมาชิกต่อเดือนสูงถึง 1,500-2,000 บาท เรียกว่าทดแทน EPL และรักษาฐานคนดู ที่สำคัญเป็นกลยุทธ์ที่สร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน เปิดฉากตั้งรับ เพราะหลังการสำรวจพฤติกรรมผู้บริโภค ฐานสมาชิก 15% ลังเลและกังวลถึงการไม่มี EPL ถือเป็นตัวเลขที่ไม่น้อย ครั้นกระแซะถามผู้บริหารถึงการ "หั่น" ราคาแพ็คเกจเดิมลง ได้รับคำยืนยันจากทรูฯคือ "ไม่เล่นสงครามราคา" แต่จะอัพเกรดให้คนดูโดยเพิ่มช่องระบบมาตรฐาน(SD)และระบบความคมชัดสูง(HD)แทน...ก็ไม่รู้ว่า โจทย์นี้ตอบสนองความต้องการของกลุ่มเป้าหมายแค่ไหน ที่แน่ๆ "อาณัติ" แม่ทัพค่ายทรูฯ กำหนดยุทธ์ศาสตร์ใหม่ ด้วยการยกระดับคอนเทนท์ทุกแคทิกกอรี่ให้เป็น King ได้แก่ คิง ออฟ สปอร์ต, คิง ออฟ มูฟวี่ส์ ,คิง ออฟ โนวเลด และคิง ออฟ เอ็นเตอร์เทนเมนต์ แอนด์ วาไรตี้ เพื่อย้ำเจ้าตลาดเพย์ทีวี การปรับตัวของทรูวิชั่นส์ ไม่ใช่เพิ่งเริ่มต้น แต่ด้วยกลไกตลาด ที่เผชิญการแข่งขันเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่มีผู้ประกาศตัวชิง EPL ทรูฯก็ทยอยจับมือพาร์ทเนอร์เคเบิลท้องถิ่นอย่าง PSI ปันช่องรายการให้ดูกันแบบฟรีๆ เทียบกับอดีต แม้จะ "จ่ายเงิน" เงื่อนไขการรับชมก็ยังคิดเล็กคิดน้อย จนลูกค้าบ่นว่า "แทงกั๊ก" ทว่า...วันนี้รายการดีๆ แมตช์กีฬาดังๆเริ่มปล่อยให้ลูกค้าได้ดูจำนวนช่องมากขึ้น อีกทั้งบริการเสริมที่ดูได้ทุกที่ทุกเวลาผ่านทรูเอนิแวร์ ตามแผนการลงทุนของทรูวิชั่นส์ปีนี้ยังวางงบประมาณ 1,500 ล้านบาท เพื่อขยายความสามารถของระบบออกอากาศ ทั้งบริการระบบจานดาวเทียม และระบบเคเบิลทีวี ให้รองรับช่อง HD เพิ่ม และหนุนให้ลูกค้าเปลี่ยนกล่องรับสัญญาณใหม่เพิ่ม โดยเฉพาะลูกค้ากลาง-ล่าง ที่มีสัดส่วนราว 43% ในปี 2555 ตลอดจนรองรับบริการเสริม เช่น วีดิโอออนดีมานด์ และบริการ Over-the-topหรือบริการคอนเทนต์บนหลายแพลตฟอร์มได้เช่นเดียวกันกลุ่มลูกค้าพรีเมียม ทั้งหมดล้วนแล้วเป็นมรรควิธีของทรูฯเพื่อรักษาฐานลูกค้า นำไปสู่รายได้ที่วาดหวังว่าปีนี้จะเติบโต 7-9% จากปีก่อนที่มีรายได้รวม 1.05 หมื่นล้านบาท สิงหาคมนี้ พรีเมียร์ลีกอังกฤษ คอนเทนท์เบอร์ 1 ของโลกจะประเดิมจอในค่ายใหม่ CTH เชื่อว่าชะตากรรมของแต่ละค่ายเพย์ทีวีคงสะท้อนภาพชัดขึ้นว่า..ใครจะอยู่ ใครหรือไป !!...และใครจะเป็นแชมป์ ระหว่างหน้าเก่าอย่างทรูวิชั่นส์ กับหน้าใหม่อย่าง CTH เฝ้าหน้าจอไว้ให้ดี งานนี้ลูกตา (eyeball) คือคำตอบ !! | |
ผู้แสดงความคิดเห็น Admin วันที่ตอบ 2013-07-17 16:50:22 |
ความคิดเห็นที่ 2 (4284165) | |
สมัครสมาชิก Satu88วันนี้ รับโปรโมชั่นมากมาย | |
ผู้แสดงความคิดเห็น kawin วันที่ตอบ 2018-12-07 20:36:32 |
[1] |
Copyright © 2010 All Rights Reserved. |
![]() |
Visitors : 275252 |